เมนู

4. นันทนสูตร



[258] นันทนเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูล
พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า
ข้าแต่พระโคดม ผู้มีพระปัญญา
กว้างขวาง ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์
ถึงญาณทัสสนะ อันไม่มีอะไรขวางกั้น
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า บัณฑิตทั้งหลาย
เรียกบุคคลชนิดไรว่า เป็นผู้มีศีล เรียก
บุคคลชนิดไรว่า เป็นผู้มีปัญญา บุคคล
ชนิดไรล่วงทุกข์อยู่ได้ เทวดาทั้งหลาย
บูชาบุคคลชนิดไร.

[259] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
บุคคลใด มีศีล มีปัญญา อบรม
ตนแล้ว มีจิตตั้งมั่น ยินดีในฌาน มีสติ
ปราศจากความโศกทั้งหมด ละได้ขาดสิ้น
อาสวะแล้ว ทรงไว้ซึ่งร่างกายสุดท้าย
บัณฑิตทั้งหลายเรียกบุคคลชนิดนั้นว่า
เป็นผู้มีศีล เรียกบุคคลชนิดนั้นว่า เป็นผู้
มีปัญญา บุคคลชนิดนั้นล่วงทุกข์อยู่ได้
เทวดาทั้งหลายบูชาบุคคลชนิดนั้น.

อรรถกถานันทนสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในนันทนสูตรที่ 4 ต่อไป :-
นันทนเทพบุตร เรียกพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยพระโคตรว่า โคตม.
บทว่า อนาวฏํ ความว่า เมื่อพรํะตถาคตทรงส่งพระสัพพัญญุคญาณ ต้นไม้
หรือภูเขา ไม่สามารถจะขวางกั้นได้เลย เพราะฉะนั้น นันทนเทพบุตรจึง
กล่าวว่า อนาวฏํ. ครั้นชมพระตถาคตดังนั้นแล้ว เมื่อจะถามปัญหาซึ่งแต่งไว้
ในเทวโลก จึงทูลถามว่า กถํวิธํ เป็นต้น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า
ทุกฺขมติจฺจ อิริยติ แปลว่า ล่วงทุกข์อยู่. บทว่า สีลวา ได้แก่ พระ-
ขีณาสพ ผู้ประกอบด้วยศีล ที่เป็นโลกิยะและโลกุตระ. ปัญญา เป็นต้น ก็
พึงทราบว่า ระคนกันเหมือนกัน. บทว่า ปูชยนฺติ ความว่า บูชาด้วยของ
หอมและดอกไม้เป็นต้น.
จบอรรถกถานันทสูตรที่ 4